• ติดต่อสอบถามที่เบอร์
  • สาขา วัดยานนาวา 02-673-9975-6

การประคบสมุนไพร

การประคบสมุนไพร คือ การใช้สมุนไพรหลายอย่างมาห่อรวมกัน ส่วนใหญ่เป็นสมุนไพรที่มีน้ำมันหอมระเหยโดยนำมานึ่งให้ร้อน ประคบบริเวณที่ปวดหรือเคล็ดขัดยอกซึ่งน้ำมันหอมระเหยเมื่อถูกความร้อนจะระเหยออกมา ความร้อนจากลูกประคบจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตดีขึ้น และยังมีสารสำคัญจากสมุนไพรบางชนิดที่ซึมเข้าทางผิวหนัง ช่วยรักษาอาการเคล็ด ขัด ยอก และลดปวดได้

ประโยชน์ของการประคบ
๑. บรรเทาอาการปวดเมื่อย
๒. ช่วยลดอาการบวม อักเสบของกล้ามเนื้อ เอ็น ข้อต่อ หลัง ๒๔-๔๘ ชั่วโมง
๓. ลดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อ
๔. ช่วยให้เนื้อเยื่อ พังผืดยืดตัวออก
๕. ลดการติดขัดของข้อต่อ
๖. ลดอาการปวด
๗. ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด

ตัวยาที่นิยมใช้ทำลูกประคบ
๑. ไพล แก้ปวดเมื่อย ลดการอักเสบ
๒. ผิวมะกรูด ถ้าไม่มีใช้ใบแทนได้ มีน้ำมันหอมระเหย แก้ลมวิงเวียน
๓. ตะไคร้บ้าน แต่งกลิ่น
๔. ใบมะขาม แก้อาการคันตามร่างกาย ช่วยบำรุงผิว
๕. ขมิ้นชัน ช่วยลดอาการอักเสบ แก้โรคผิวหนัง
๖. เกลือ ช่วยดูดความร้อน และช่วยพาตัวยาซึมผ่านผิวหนังได้สะดวกขึ้น
๗. การบูร แต่งกลิ่น บำรุงหัวใจ
๘. ใบส้มป่อย ช่วยบำรุงผิว แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน

วิธีการประคบ
๑. จัดท่าคนไข้ให้เหมาะสม เช่น นอนหงาย นั่ง นอนตะแคง ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่จะทำการประคบสมุนไพร
๒. นำลูกประคบที่ได้รับความร้อนได้ที่แล้วมาประคบบริเวณที่ต้องการประคบ (การทดสอบความร้อนของลูกประคบคือแตะที่ท้องแขนหรือหลังมือ)
๓. ในการวางลูกประคบบนผิวหนังคนไข้โดยตรงในช่วงแรก ๆ ต้องทำด้วยความเร็ว ไม่วางแช่นาน ๆ เพราะคนไข้จะทนความร้อนไม่ได้มาก
๔. เมื่อลูกประคบคลายความร้อนลงก็สามารถเปลี่ยนลูกประคบอีกลูกหนึ่งแทน (นำลูกเดิมไปนึ่งต่อ) ทำซ้ำตามข้อ ๒, ๓

วิธีเก็บรักษาลูกประคบ
๑. ลูกประคบสมุนไพรที่ทำในแต่ละครั้ง สามารถเก็บไว้ใช้ซ้ำได้ ๓-๕ วัน
๒. ควรเก็บลูกประคบไว้ในตู้เย็น จะทำให้เก็บได้นานขึ้น (ควรตรวจสอบลูกประคบด้วย ถ้ามีกลิ่นบูดหรือเหม็นเปรี้ยวไม่ควรเก็บไว้)
๓. ถ้าลูกประคบแห้ง ก่อนใช้ควรพรมด้วยน้ำหรือเหล้าขาว
๔. ถ้าลูกประคบที่ใช้ไม่มีสีเหลืองหรือสีเหลืองอ่อนลง แสดงว่ายาที่ใช้จืดแล้ว (คุณภาพน้อยลง) จะใช้ไม่ได้ผลควรเปลี่ยนลูกประคบใหม่
๕. ลูกประคบ ๑ คู่ สามารถนำมาใช้ในการรักษาได้ ๓ ครั้ง

ข้อควรระวัง
๑. ห้ามใช้ลูกประคบที่ร้อนเกินไป โดยเฉพาะกับบริเวณผิวหนังอ่อน ๆ หรือบริเวณที่เคยเป็นแผลมาก่อน ถ้าต้องการใช้ควรมีผ้าขนหนูรองก่อนหรือรอจนกว่าลูกประคบจะคลายความร้อนลงจากเดิม
๒. ควรระวังเป็นพิเศษในผู้ป่วยเบาหวาน อัมพาต เด็ก และผู้สูงอายุ เนื่องจากกลุ่มบุคคลดังกล่าวความรู้สึกตอบสนองต่อความร้อนช้า อาจจะทำให้ผิวหนังไหม้พองได้ง่าย ถ้าต้องการใช้ควรจะ “ใช้ลูกประคบที่อุ่น ๆ”
๓. ไม่ควรใช้ลูกประคบสมุนไพรในกรณีที่มีแผล การอักเสบ (ปวด บวม แดง ร้อน) ในช่วง ๒๔ ชั่วโมงแรก อาจจะทำให้บวมมากขึ้น
๔. หลังจากประคบสมุนไพรแล้ว ไม่ควรอาบน้ำทันทีเพราะจะไปชะล้างตัวยาออกจากผิวหนัง และอุณหภูมิของร่างกายปรับเปลี่ยนไม่ทันอาจจะทำให้เป็นไข้ได้

ระยะเวลาในการบำบัด
ในการบำบัดขึ้นอยู่กับอาการและดุลยพินิจของแพทย์ โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ ๒-๓ ครั้ง ควรบำบัดและรักษาเป็นชุดเพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรทำควบคู่กับการนวดหรือการฝังเข็ม ๑ ชุดการรักษา เท่ากับ ๑๐ ครั้ง

ค่าใช้จ่ายในการประคบสมุนไพร
นวดประคบ ๑ ชั่วโมง ๕๕๐ บาท

รายได้จากการรักษาพยาบาล
สมทบกองทุนโครงการหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่ สำหรับ พระภิกษุ สามเณร ในพระราชูปถัมภ์ฯ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ
สมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อพระสงฆ์ สามเณรอาพาธ ร.พ.๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ จังหวัดอุบลราชธานี

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่
ศูนย์พรหมวชิรญาณ คลินิกการแพทย์แผนไทย-จีน สาขา วัดยานนาวา โทรศัพท์ ๐๒-๖๗๓๙๙๗๕-๗๖
สถาบันพรหมวชิรญาณ คลินิกการแพทย์แผนไทย-จีน
www.promwachirayan.org

ประวัติความเป็นมาของศาสตร์การครอบแก้ว
การครอบแก้วเป็นศาสตร์ของจีนโบราณที่มีการบันทึกในหนังสือและมีประวัติยาวนานกว่า 2,000 ปีมาแล้ว แรกเริ่มจะใช้เขาของสัตว์ที่กลวงมาทำเป็นกล่องหรือลักษณะคล้ายแก้วแล้วนำมาต้มกับน้ำร้อน หรือมีการจุดไฟลนเพื่อให้เกิดสภาวะสุญญากาศ ต่อมาเปลี่ยนมาใช้เป็นถ้วยที่ทำจากไม้ไผ่หรือถ้วยแก้ว แต่ก็ยังต้องลนด้วยไฟหรือต้มกับน้ำเพื่อทำให้เกิดสุญญากาศในถ้วยแก้วแล้วนำมาครอบบำบัดบริเวณผิวหนังที่อักเสบ มีหนอง ดูดของเสีย สารพิษ ลิ่มเลือด หนองออกจากบริเวณดังกล่าว

ทฤษฎีเกี่ยวกับถ้วยดูดระบบสุญญากาศ
ทฤษฎีของการวางถ้วยแก้วในการบำบัดอาการโรคต่าง ๆ อาศัยการปฏิบัติงานของระบบสุญญากาศ โดยใช้ถ้วยแก้วลนด้วยไฟ เพื่อให้เกิดความกดดันของสุญญากาศ ความกดดันของสุญญากาศจะดึงดูดผิวหนังให้นูนสูงขึ้นบริเวณผิวหนังดังกล่าวจะเกิดปฏิบัติการทางพยาธิวิทยา ดังนี้ :-
1.บริเวณผิวหนังถูกกระตุ้น ถูกกดดัน ผลักดันเลือดลม ให้ไหลเวียนเข้ามาหล่อเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น
2.ผลักดันให้จุดต่าง ๆ ของเส้นลมปราณ เซลล์ของเส้นประสาท เซลล์ของเลือดเพิ่มประสิทธิภาพงานทางด้านพยาธิวิทยา
3.ผลักดันให้เม็ดเลือดขาวเคลื่อนตัวเข้ามากำจัดสิ่งแปลกปลอม สารพิษ เชื้อโรค ของเสียต่าง ๆ เหล่านี้ถูกขจัดออกจากผนังของหลอดเลือดประสานกับความกดดันของถ้วยดูด
4.การปฏิบัติงานของผิวหนัง ของเสียสารพิษบางส่วนจะถูกดูดออกจากรูขุมขนของผิวหนังโดยตรง สะท้อนออกเป็นไอน้ำ หยดน้ำเกาะติดอยู่กับผนังของถ้วยดูด บางส่วนจะถูกดูดมาเกาะติดอยู่กับผิวหนังที่หมุนเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือดถูกขับออกจากร่างกายโดยทางปัสสาวะและอุจจาระ
5.ของเสียหรือสารพิษจะถูกขจัดออกจากร่างกายพร้อมกับเหงื่อ หรือสลายไปตามเลือดลมที่หมุนเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือด ถูกขับออกจากร่างกายโดยทางปัสสาวะและอุจจาระ
6.ของเสียสารพิษต่าง ๆ ถูกขจัดออกจากผนังหลอดเลือด ผนังหลอดเลือดขยายกว้างขึ้น เลือดลมไหลเวียนอยู่ในระบบหลอดเลือด ถูกปรับเข้าสู่การหมุนเวียนอย่างมีระเบียบ
7.อวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายได้รับเลือดลมมาหมุนเวียนหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอปรับการปฏิบัติหน้าที่งานเข้าสู่ปกติและมีประสิทธิภาพ ทั่วทั้งร่างกายก็จะถูกปรับเข้าสู่สมดุล

ประโยชน์ที่ได้รับจากการครอบแก้วในการบำบัดรักษาโรค
1.มีผลต่อการเสริมสร้างสุขภาพต่อการป้องกันโรค หลังจากของเสียสารพิษต่าง ๆ ในร่างกายถูกดึงดูดออกจากร่างกายบริเวณผิวหนังส่วนต่าง ๆ ในร่างกายก็จะได้รับเลือดมาหล่อเลี้ยงอย่างสม่ำเสมอ การปฏิบัติหน้าที่งานที่พยาธิวิทยาของผิวหนังก็จะยิ่งมีประสิทธิภาพ ของเสียสารพิษต่าง ๆ ภายนอกจะไม่สามารถแทรกซึมผ่านเข้าผิวหนังได้ง่ายภูมิคุ้มกันร่างกายก็จะแข็งแรงดีขึ้น
มีผลต่อการบำบัดโรคต่าง ๆ ในการครอบแก้วนี้ได้ผลคล้ายคลึงกับผลจากการนวดกดจุดสะท้อนฝ่าเท้า และนวดกดจุดตามเส้นลมปราณ ทำให้เกิดผลต่อการกระตุ้นปลุกเร้าถึงเซลล์ของเส้นประสาท ผลักดันให้เซลล์ประสาทปฏิบัติหน้าที่งานอย่างกระฉับกระเฉง และผลักดันให้เลือดไหลเวียนในหลอดเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลทำให้ผนังหลอดเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายด้วยวิธีการนี้จะทำให้เลือดที่คลั่งบริเวณจุดที่ปวดเกิดการไหลเวียนดีขึ้น การส่งผ่านออกซิเจนไปยังจุดต่าง ๆ ได้ดีขึ้น ส่งผลให้อาการปวดทุเลาลง

โรคหรืออาการที่รักษาด้วยการครอบแก้ว
การครอบแก้วสามารถแก้อาการต่าง ๆ ดังนี้ :-
- ไข้หวัด - ท้องผูก
- ปวดศีรษะ - นอนไม่หลับ
- โรคกระเพาะอาหาร - ความดันโลหิตสูง
- เบาหวาน - อัมพาต
- ไหล่ติด - ปวดเอว
- ไซนัส - คออักเสบ
- สิว - เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- ต่อมลูกหมากโต - วัยทอง
- ปวดประจำเดือน - อ้วน
-ปวดคอ บ่า ไหล่ - กรดไหลย้อน
ครอบแก้วทำได้ทั้งบริเวณหลัง หน้าท้อง หน้าอก ขา แขน หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ที่มีพื้นที่ในการวางครอบแก้ว และอวัยวะต่าง ๆ ที่มีอาการเจ็บปวด

ขั้นตอนและวิธีการบำบัดการครอบแก้ว
1. แพทย์จะตรวจหรือวินิจฉัยอาการเพื่อหาสาเหตุของการเกิดโรคเสียก่อน ด้วยวิธีศาสตร์การแพทย์แผนจีน
2. นำเอาถ้วยแก้วที่เตรียมไว้แล้วและนำสำลีมาชุบแอลกอฮอล์ไปจุดไฟ แล้วนำไฟเข้าไปใส่ในถ้วยแก้วเพื่อให้ภายในภาชนะนั้นเกิดระบบสุญญากาศ แล้วจึงรีบนำไปคว่ำไว้ยังอวัยวะต่าง ๆ ที่ต้องการของผู้ป่วย จากนั้นกล้ามเนื้อและผิวหนังก็จะถูกดูดหรือดึงขึ้นด้วยระบบสุญญากาศภายในภาชนะจนนูนขึ้น และผิวหนังก็จะเริ่มเปลี่ยนสีต่าง ๆ (อาจมีการใช้น้ำมันสมุนไพรทาผิวก่อนที่จะครอบแก้วเพื่อให้การเคลื่อนแก้วเป็นไปโดยง่ายขึ้น)
3. การครอบแก้วแต่ละครั้ง จะมีระยะเวลาประมาณ 10-15 นาที ซึ่งแต่ละคนก็จะมีสีผิวหนังที่แตกต่างกันออกไปตามอาการและการสะสมของสารพิษ เช่น อาจจะมีสีแดง สีน้ำตาล สีม่วง สีดำ เป็นต้น และสีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นนั้นก็จะค่อย ๆ เลือนรางจางหายไปภายใน 5-7 วัน สีของผิวที่ถูกครอบแก้วยังสามารถบ่งบอกถึงความรุนแรงและการปวดของบริเวณนั้น ๆ ได้อีกด้วย

ข้อห้าม ข้อควรระวัง
ปกติ 90% ของคนทั่วไป สามารถรับการรักษาแบบครอบแก้วได้ แต่กลุ่มคนที่ไม่ควรรับการรักษาด้วยวิธีนี้คือ สตรีมีครรภ์ในช่วงอายุครรภ์ 1-4 เดือน เพราะเมื่อตัวอ่อนในครรภ์เจอความร้อนหรือเกิดแรงกระตุ้นมาก ๆ อาจทำให้เกิดการฝ่อหรือหลุดได้ และอีกกลุ่มคือ ผู้ที่มีอาการติดเชื้อบริเวณผิวหนัง เพราะถึงแม้จะมีการทำความสะอาดอุปกรณ์มากเพียงใด แต่ถ้ามีโรคติดต่อหรือเชื้อโรคอยู่ การครอบแก้วก็อาจไปกระตุ้นให้เชื้อโรคนั้นเจริญเติบโตได้ดียิ่งขึ้น

ระยะเวลาในการบำบัด
ในการบำบัดขึ้นอยู่กับอาการและดุลพินิจของแพทย์โดยเฉลี่ยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง ควรบำบัดและรักษาเป็นชุด เพื่อให้การรักษาเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรทำควบคู่กับการฝังเข็ม 1 ชุดการรักษา เท่ากับ 10 ครั้ง

ค่าใช้จ่ายในการบำบัดครอบแก้ว
ครอบแก้ว 1 ครั้ง ราคา 300 บาท

รายได้จากการรักษาพยาบาล
สมทบกองทุนโครงการหน่วยแพทย์พระราชทานเคลื่อนที่ สำหรับ พระภิกษุ สามเณร ในพระราชูปถัมภ์ฯ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
สมทบทุนจัดซื้ออุปกรณ์และครุภัณฑ์ทางการแพทย์ เพื่อพระภิกษุ และสามเณรอาพาธ โรงพยาบาล ๕๐ พรรษา มหาวชิราลงกรณ จังหวัดอุบลราชธานี

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
• ศูนย์พรหมวชิรญาณ คลินิกการแพทย์แผนไทย-จีน
สาขาวัดยานนาวา
วันจันทร์-วันศุกร์ เปิดทำการเวลา ๑๐.๐๐-๑๙.๐๐ น.
วันเสาร์-วันอาทิตย์ เปิดทำการเวลา ๙.๐๐-๑๙.๐๐ น.
โทร. ๐-๒๖๗๓-๙๙๗๕~๖
• ศูนย์พรหมวชิรญาณ คลินิกการแพทย์แผนไทย-จีน
สาขามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
วันจันทร์-วันอาทิตย์ เปิดทำการเวลา ๙.๐๐-๑๘.๐๐ น.
โทร. ๐-๒๕๗๙-๓๕๒๑, ๐-๒๕๖๑-๔๕๒๐
สถานพยาบาลได้รับการรับรองมาตรฐานการให้บริการจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข

เรื่องราวน่าสนใจ

มาตราการป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ (โควิด-๑๙)

...

  กรณีสถาบันพรหมวชิรญาณ สหคลินิกการแพทย์แผนไทย-จีน   ป้องกันไวรัสโคโรนา ๒๐๑๙ ...

รางวัลเสาอโศกผู้นำศีลธรรม

รางวัลเสาอโศกผู้นำศีลธรรม

 เป็นรางวัลเกียรติยศที่มอบให้แก่บุคคล ...